ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลือกพรมปูพื้นแบบไหนดี? ให้ถูกใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ใช้งานได้จริง

‘พรมปูพื้น’ ไอเทมที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงามและการใช้งาน และยังเป็นอีกหนึ่งในองค์ประกอบที่ส่งผลต่อบรรยากาศภายในห้องอีกด้วย การเลือกพรมปูพื้นให้เข้ากับแต่ละห้องจึงสำคัญพอๆ กับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเลยทีเดียว ใครอยากเลือกพรมให้เข้ากับโซฟา หรืออยากเลือกพรมปูพื้นแต่งห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก มาหาไอเดียได้ในบทความนี้เลย

A handmade/grey/beige TÅRBÄK rug, flatwoven
A handmade/grey/beige TÅRBÄK rug, flatwoven

สาระน่ารู้

  • พรมปูพื้นแต่งห้องเป็นตัวช่วยเพิ่มความสวยงามและมอบความอบอุ่นให้กับห้อง อีกทั้งยังป้องกันรอยขีดข่วน ลดอุบัติเหตุ และช่วยลดเสียงรบกวนได้อีกด้วย
  • ก่อนเลือกซื้อพรมปูพื้น ควรพิจารณาจากการใช้งานและสไตล์พรมที่ชอบ วัสดุเส้นใย ขนาด รูปทรง รวมถึงโทนสีให้เหมาะสมกับแต่ละห้องด้วย
  • เลือกพรมปูพื้นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก ควรเลือกตามสไตล์การตกแต่ง เช่น พรมขนสั้นเหมาะกับสไตล์โมเดิร์น พรมขนยาวให้ความหรูหรา หรือพรมลายดอกไม้สำหรับสไตล์วินเทจ
  • การเลือกพรมปูพื้นส่วนห้องนอน ควรเน้นพรมที่นุ่มสบาย ลดเสียงรบกวน และมีสีสันอ่อนโยนเพื่อการพักผ่อน
  • การเลือกพรมปูพื้นห้องอาหาร ควรใช้พรมขนสั้นหรือผิวเรียบที่ทำความสะอาดง่าย ทนรอยเปื้อน และมีสีไม่ฉูดฉาด
  • อิเกีย มีพรมให้เลือกมากมายหลายสไตล์ เพื่อตอบโจทย์ทุกดีไซน์ห้องและความต้องการ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ทันสมัย และราคาเป็นมิตร

ข้อดีของการใช้พรมปูพื้นตกแต่งห้อง

การเลือกใช้พรมปูพื้นในการตกแต่งห้องไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านอบอุ่นและน่าอยู่เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในด้านการใช้งานอีกมากมาย ดังนี้

  • ยกระดับความสวยงามของห้อง โดยทำให้ภาพรวมของทุกห้องดูลงตัวมากขึ้น นอกจากนี้ พรมยังเป็นเหมือนตัวช่วยในการเนรมิตห้องธรรมดาให้มีลูกเล่นที่น่าสนใจ เติมความมีชีวิตชีวา และเพิ่มความมีสไตล์ให้กับแต่ละพื้นที่ได้อย่างลงตัว
  • ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับห้อง โดยเฉพาะในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศและมีพื้นเป็นกระเบื้องหรือหินธรรมชาติ ซึ่งมักทำให้รู้สึกไม่สบายเท้าเวลาเดินหรือวางเท้าสัมผัสพื้น การปูพรมยังช่วยรักษาอุณหภูมิพื้นห้องให้พอเหมาะ ไม่เย็นจนเกินไป
  • ป้องกันรอยขีดข่วนบนพื้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้งานบ่อยๆ เช่น ห้องนั่งเล่นหรือห้องทานอาหาร ที่มักมีการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์และการลากเก้าอี้เป็นประจำ พรมจะช่วยเป็นตัวกันระหว่างเฟอร์นิเจอร์และพื้นผิว ทำให้พื้นมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

 

  • ป้องกันอุบัติเหตุในบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุอาศัยอยู่ เนื่องจากพื้นผิวของพรมจะช่วยเพิ่มความฝืดและลดความเสี่ยงต่อการลื่นล้มบนพื้นเรียบอย่างกระเบื้องเซรามิก นอกจากนี้ หากเกิดอุบัติเหตุหกล้ม พรมยังช่วยรองรับแรงกระแทกและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บได้อีกด้วย
  • ช่วยลดเสียงรบกวน เนื่องจากเนื้อพรมมีความหนาและนุ่ม จึงช่วยดูดซับและลดการสะท้อนของเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเสียงฝีเท้าจากการเดิน พรมจึงเป็นของตกแต่งที่เหมาะสมมากสำหรับห้องที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องนอนหรือห้องพระ

ข้อควรรู้! ก่อนเลือกพรมปูพื้นแต่งห้อง

การเลือกพรมปูพื้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องพิจารณาให้ครอบคลุม ทั้งด้านประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม เพื่อให้ได้พรมที่เหมาะสมกับการใช้งานและกลมกลืนกับการตกแต่งภายในบ้านด้วย 

ลักษณะการใช้งาน

การเลือกพรมปูพื้น ควรพิจารณาลักษณะการใช้งานของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องการปูพรมว่าเป็นห้องไหนในบ้าน และมีความถี่ในการใช้งานมากน้อยแค่ไหน

  • พื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น หรือโถงทางเดินที่มีผู้คนสัญจรไปมาตลอดเวลา ควรเลือกพรมปูพื้นที่มีความทนทานสูง มีคุณสมบัติป้องกันคราบสกปรก กันน้ำ และสะดวกต่อการทำความสะอาด
  • พื้นที่ที่มีการใช้งานน้อย อย่างห้องนอน คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาบนเตียงมากกว่าเดินไปมา จึงควรเลือกพรมขนสัตว์หรือพรมขนหนาเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

สไตล์พรมที่ชอบ

เลือกพรมปูพื้นแบบไหนดี? การเลือกพรมปูพื้นเป็นมากกว่าแค่การตกแต่งเพื่อความสวยงามให้กับห้อง แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมและสไตล์การตกแต่งของเจ้าของบ้านอีกด้วย ซึ่งพรมแต่ละสไตล์ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้

สไตล์โมเดิร์น เน้นความเรียบง่ายด้วยโทนสีกลางและลวดลายเรขาคณิต เหมาะกับห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ทันสมัย ใช้พรมขนสั้นเพื่อเสริมความสะอาดตาและเป็นระเบียบ การดูแลรักษาทำได้ง่ายและเข้ากับการตกแต่งได้หลากหลาย

สไตล์วินเทจ โดดเด่นด้วยลายคลาสสิกและสีสันอบอุ่น พรมประเภทนี้มักมีลวดลายดอกไม้ ลายวงกลม หรือลายกราฟิกแบบย้อนยุค เหมาะกับห้องที่ต้องการความรู้สึกอบอุ่นและมีเสน่ห์แบบย้อนยุค

สไตล์บอร์โฮ มีลวดลายหลากหลาย สีสดใสจากวัสดุธรรมชาติ สะท้อนความเป็นอิสระและศิลปะแบบโบฮีเมียน มักทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ฝ้ายหรือปอ และมีการผสมผสานลวดลายที่ดูเป็นชาติพันธุ์

  • สไตล์สแกนดิเนเวีย เน้นความเรียบง่ายด้วยสีอ่อน พรมสไตล์นี้มักมีพื้นผิวที่นุ่มและอบอุ่น เหมาะกับห้องที่ตกแต่งแบบมินิมอลแต่ต้องการความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ
  • สไตล์รัสติก มีลักษณะหยาบในโทนสีเอิร์ธและลายธรรมชาติ พรมแนวนี้มักทำจากวัสดุธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะกับห้องที่ตกแต่งด้วยไม้หรือหินเพื่อเสริมบรรยากาศแบบชนบท
  • สไตล์เปอร์เซีย โดดเด่นด้วยลวดลายซับซ้อนและสีสันสดใสจากวัสดุคุณภาพ พรมชนิดนี้มักทอด้วยมือและใช้วัสดุคุณภาพสูง เหมาะกับห้องที่ต้องการความหรูหราและความเป็นศิลปะแบบตะวันออกกลาง
  • สไตล์มินิมอล เรียบง่ายด้วยสีโทนขาว เทา หรือดำ พรมสไตล์นี้เน้นความเรียบง่ายสูงสุด มักมีพื้นผิวเรียบและไม่มีลวดลาย เหมาะกับห้องที่ต้องการความสะอาดตาและต้องการความเป็นระเบียบ

เส้นใยวัสดุของพรม

เลือกพรมปูพื้นแบบไหนดี? พรมปูพื้นมีให้เลือกหลากหลายประเภทตามวัสดุที่ใช้ผลิต โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกพรมให้เหมาะกับการใช้งาน

  • พรมขนสัตว์ มอบความนุ่มสบาย อบอุ่น และดูหรูหรามีระดับ ด้วยคุณภาพของเส้นใยธรรมชาติทำให้มีความทนทานสูง แต่ราคาค่อนข้างแพงและต้องระวังเรื่องแมลงกัดแทะ อีกทั้งยังต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษเพื่อรักษาคุณภาพของเส้นใยให้คงทน
  • พรมฝ้าย ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและระบายอากาศได้ดี เหมาะกับห้องที่ต้องการความเย็นสบาย แต่มีข้อจำกัดเรื่องความทนทานต่อคราบเปื้อนและความชื้น จึงควรใช้ในพื้นที่ที่ใช้งานไม่บ่อยและไม่เสี่ยงต่อการเปียกน้ำ
  • พรมเส้นใยจากพืช เช่น ป่านศรนารายณ์ ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติและเข้ากับการตกแต่งสไตล์ทรอปิคอล แต่ความทนทานอาจไม่เท่าวัสดุสังเคราะห์ จึงเหมาะกับพื้นที่พักผ่อนที่ไม่ได้ใช้งานหนัก
  • พรมไนลอน มีความทนทานต่อการสึกหรอและการทำความสะอาดที่ง่ายดาย ไม่เป็นที่สะสมของฝุ่น มีความยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ใช้งานบ่อย ทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานและคงรูปทรงได้ดี
  • พรมโพลีเอสเตอร์ มีจุดเด่นที่ความทนทานต่อคราบเปื้อนและรังสียูวี พร้อมทั้งให้สัมผัสที่นุ่มสบาย ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพรมคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ และยังดูแลรักษาง่าย
  • พรมโพลีโพรพิลีน ทนต่อคราบเปื้อนและความชื้น จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ต้องคอยดูแลให้สะอาดหมดจด อย่างห้องครัวหรือห้องน้ำ นอกจากนี้ยังทนต่อสารเคมีและการซักล้าง ทำให้ดูแลรักษาได้สะดวก
  • พรมอะคริลิก มอบสัมผัสนุ่มคล้ายขนสัตว์แต่มีราคาที่ถูกกว่า ทนต่อรังสี UV ทำให้สีไม่ซีดจางง่าย เหมาะกับผู้ที่ต้องการความหรูหราในราคาประหยัด และยังสามารถใช้งานในพื้นที่ที่โดนแสงแดดได้ดี

ขนาดของพรม

พรมปูพื้น เป็นเสมือนเครื่องแต่งกายที่ช่วยเติมเต็มให้บ้านมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยการเลือกขนาดพรมที่เหมาะสมถือเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะหากเลือกขนาดผิดอาจส่งผลต่อการจัดวางตกแต่งและการใช้งานภายในห้อง ทำให้ห้องขาดความสวยงามและความสมดุล จนเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนพรมผืนใหม่อีก

ดังนั้น หากใครจะเลือกพรมให้เข้ากับโซฟาหรือเฟอร์นิเจอร์ ก่อนตัดสินใจซื้อพรมปูพื้น ควรเริ่มจากการวัดขนาดเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการจัดวางคู่กับพรม รวมถึงวัดระยะห่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในห้องให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถเลือกขนาดพรมที่เหมาะสมได้ ซึ่งจะช่วยให้การตกแต่งห้องออกมาลงตัวและสวยงามตามที่ต้องการมากขึ้น

โทนสีของพรม

เลือกพรมปูพื้นแบบไหนดี? สีของพรมเองก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสีของพรมมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึก พรมปูพื้นมีหลากหลายเฉดสีที่เข้ากันกับการตกแต่งบ้านหลากหลายสไตล์ หลักการเลือกสีพรมมักจะเลือกให้ตัดกับสีของพื้นบ้านเพื่อสร้างความโดดเด่น ดังนี้

  • พรมโทนสีมืด อย่างสีน้ำตาล สีเทาเข้ม สีน้ำเงิน และสีดำ มอบความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา ดูมีภูมิฐานและน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังช่วยขับให้พื้นห้องและเฟอร์นิเจอร์มีมิติที่โดดเด่นขึ้น พร้อมข้อดีในแง่การดูแลรักษาที่ง่ายกว่าสีอื่น เพราะไม่เห็นคราบสกปรกชัดเจน
  • พรมโทนสีสว่าง เช่น สีขาวและสีเบจ ช่วยสร้างบรรยากาศที่สบายตา ทำให้ห้องดูสว่าง โปร่ง และกว้างขวางขึ้น เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการเพิ่มความรู้สึกโล่งสบาย แต่อาจต้องใส่ใจในเรื่องการทำความสะอาดมากกว่าโทนสีเข้ม
  • พรมโทนสีสดใส ไม่ว่าจะเป็นสีส้ม สีแดง สีน้ำเงิน หรือการใช้สีตัดกันอย่างขาว-ดำ ช่วยสร้างความรู้สึกมีชีวิตชีวา ตื่นเต้น สนุกสนาน แต่ยังคงความอบอุ่นให้กับพื้นที่ เหมาะกับห้องที่ต้องการสร้างจุดสนใจหรือเพิ่มพลังงานให้กับบริเวณพื้นที่นั้น

เลือกพรมปูพื้นแบบไหนดี? ให้เหมาะสมกับทุกพื้นที่ในบ้าน

การเลือกพรมปูพื้นให้เหมาะสมส่งผลโดยตรงต่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและเพิ่มประโยชน์ใช้สอยให้กับพื้นที่นั้นๆ ดังนั้น การเลือกพรมให้แต่ละห้องภายในบ้านจึงควรคำนึงถึงทั้งความสวยงามและประโยชน์การใช้งานควบคู่กันไป ดังนี้

An off-white STOENSE rug, low pile in the living room

ห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก

การเลือกพรมปูพื้นห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นห้องที่นิยมใช้พรมปูพื้นมากที่สุดในบ้าน วิธีการเลือกพรมที่ง่ายที่สุดคือการพิจารณาจากสไตล์การตกแต่งโดยรวมและสภาพแวดล้อมของห้อง หากต้องการให้ห้องดูกว้างขวาง ควรเลือกพรม STOENSE/สโตเอนส์ ที่ให้สีสันนุ่มนวลและพื้นผิวที่เล่นแสงเล็กน้อย โทนสีสว่าง ขาวๆ ครีมๆ หรือถ้าต้องการเพิ่มความมีชีวิตชีวา อาจเลือกใช้พรมโทนสีสดใสอย่างสีเหลืองหรือสีฟ้าก็ได้เช่นกัน

ส่วนพรมที่เหมาะสมกับห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นควรเป็นพรมแบบขนสั้นหรือพรมผิวเรียบอย่างพรมไนลอน เพราะห้องประเภทนี้มักถูกใช้งานหนัก โดยเฉพาะในห้องที่ไม่ค่อยใช้เครื่องปรับอากาศและเปิดโล่งตลอดเวลา การเลือกพรมขนสั้นหรือพรมผิวเรียบจะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย และไม่เก็บสะสมฝุ่นมากเท่าพรมแบบขนยาว

นอกจากนี้ ต้องเลือกพรมปูพื้นให้เข้ากับโซฟาที่เป็นเฟอร์นิเจอร์หลักของห้อง การเลือกพรมควรคำนึงถึงโทนสีและขนาดให้เข้ากับโซฟา โดยการจัดวางสามารถทำได้หลายรูปแบบ ในกรณีที่มีพื้นที่กว้าง ควรเลือกพรม TANNISBY/ทันนิสบี้ พรมขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่รอบๆ โซฟา แต่หากมีพื้นที่จำกัดก็ควรเลือกพรมที่มีขนาดพอเหมาะ โดยวางให้เลยออกมาด้านหน้าโซฟาเล็กน้อย

ห้องนอน

การเลือกพรมสำหรับห้องนอนควรให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายเพื่อการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ จึงควรเลือกพรมแบบขนยาวที่ให้สัมผัสนุ่มนวลอย่างพรม VINDEBÄK/วินเดแบค พรมขนนุ่มๆ เพิ่มความสบายเท้า ให้ความรู้สึกอุ่นสบาย และช่วยลดเสียงได้ดี

หรือจะเลือกเป็นพรมขนสัตว์ พรมอะคริลิก ที่เป็นทางเลือกในราคาประหยัดกว่า แต่ยังคงความนุ่มและสวยงามเหมือนพรมขนสัตว์จริง นอกจากนี้ยังมีพรมโพลีโพรไพลีนที่นอกจากจะให้สัมผัสที่ดีมีระดับแล้ว ยังมีคุณสมบัติกันน้ำและดักจับฝุ่นได้ดีอีกด้วย

สำหรับการเลือกซื้อพรมขนยาว ควรทดสอบคุณภาพการถักทอได้ด้วยการรูดขนพรมเบาๆ ดูว่ามีเส้นใยหลุดร่วงหรือไม่ หากไม่มีขนหลุดติดมือ แสดงว่าพรมมีการถักทอที่แน่นหนาได้มาตรฐาน ส่วนการจัดวางพรมในห้องนอนนั้น แนะนำให้เลือกพรมที่มีขนาดกว้างกว่าเตียงเพื่อให้สามารถวางขนาบข้างเตียงได้ทั้งสองด้าน ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังมอบความรู้สึกนุ่มสบายเมื่อก้าวเท้าลงจากเตียงอีกด้วย

A beige BLÅSVERK pendant lamp

ห้องรับประทานอาหาร

การเลือกพรมสำหรับห้องรับประทานอาหารต้องคำนึงถึงการใช้งานที่มีโอกาสเปื้อนและเลอะเทอะได้ง่าย ควรเลือกพรมที่ทำความสะอาดได้ง่ายอย่าง TIPHEDE/ทิปฮีลด์ ที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายไปซักและผึ่งสะดวก

นอกจากนี้ อาจจะเลือกพรมแบบขนสั้นหรือพรมผิวเรียบ เช่น พรมโพลีเอทิลีนที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลซึ่งไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หรือพรมไนลอนที่มีคุณสมบัติเด่นในการป้องกันความสกปรก รอยน้ำ และรอยขีดข่วน อีกทั้งยังทำความสะอาดได้ง่ายกว่าพรมชนิดอื่น

สำหรับการเลือกรูปทรงและขนาดของพรมให้เหมาะสมกับห้องรับประทานอาหารนั้น ควรพิจารณาจากลักษณะของชุดโต๊ะและเก้าอี้เป็นหลัก โดยดูว่ามีรูปทรงแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า รวมถึงขนาดความกว้างและจำนวนที่นั่งที่รองรับ เทคนิคง่ายๆ ในการเลือกพรมให้ดูสวยงามคือการเลือกพรมที่มีรูปทรงสอดคล้องกับโต๊ะอาหาร ซึ่งจะช่วยให้การจัดวางดูเป็นระเบียบและลงตัวมากขึ้น

เห็นกันไปแล้วว่าควรเลือกพรมปูพื้นแบบไหนดี ซึ่งการเลือกพรมปูพื้นไม่เพียงแต่เป็นการเลือกของตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการเลือกองค์ประกอบที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความสมบูรณ์ให้กับทุกห้องในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกที่ต้องการความทนทานต่อการใช้งานหนัก ห้องนอนที่เน้นความนุ่มนวลผ่อนคลาย หรือห้องอาหารที่ต้องการความสะดวกในการดูแลรักษา 

การเลือกพรมที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาทั้งด้านสไตล์การตกแต่ง ลักษณะการใช้งาน ขนาดพื้นที่ และการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะช่วยให้ได้พรมที่ไม่เพียงแต่มีความสวยงามเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืนยาวอีกด้วย

มาเลือกพรมปูพื้นให้เข้ากับสไตล์ในแต่ละห้องได้ที่ อิเกีย มีพรมปูพื้นให้เลือกมากมายหลายสไตล์ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ทันสมัย และราคาเป็นมิตร