7 วิธีทำความสะอาดพรม พร้อมเคล็ดลับการซักพรมทำเองได้ที่บ้าน
พรมเป็นของใช้ในบ้านที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวยงาม แต่ยังช่วยรองรับน้ำหนัก กักเก็บเสียงขณะเดินได้ด้วย แต่รู้หรือไม่! พรมเป็นอีกหนึ่งจุดในบ้านที่สะสมฝุ่นและเชื้อโรคเป็นจำนวนมาก อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือสุขภาพของคนในบ้านย่ำแย่ลงได้ เราจึงควรให้ความสำคัญกับความสะอาดและซักพรมเป็นประจำ มารู้จักพรมแต่ละแบบ และดูวิธีทำความสะอาดพรมได้ในบทความนี้


สาระน่าสนใจ
- พรมมีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป โดยพรมที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาดและเป็นที่นิยมมาก ได้แก่ พรมไนลอน พรมโพลีเอสเตอร์ พรมโพลีโพรไพลีน พรมอะคริลิก พรมขนสัตว์ และพรมหินเช็ดเท้า
- การดูแลพรม ควรหมั่นดูดฝุ่นเป็นประจำเพื่อลดฝุ่นสะสม และหากมีคราบใหม่ควรรีบกำจัดออกทันทีโดยการเช็ดเบาๆ หรือใช้วิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมตามคราบแต่ละแบบ
- วิธีทำความสะอาดพรมทำได้ด้วยการดูดฝุ่นเบื้องต้นก่อน จากนั้นเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับซักพรมโดยเฉพาะมาใช้ซักพรม และเลือกซักในวิธีที่เหมาะสมกับประเภทพรม โดยมีทั้งแบบซักแห้งและซักเปียก
- อิเกียมีพรมคุณภาพดี ทำความสะอาดง่าย ดีไซน์มีให้เลือกซื้อหลากหลาย แต่งให้บ้านสวยแถมใช้งานได้ดี พร้อมอุปกรณ์ดูแลและทำความสะอาดพรมมากมายในราคาสบายกระเป๋า
พรมแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร?
ก่อนเริ่มซักพรม มาดูกันก่อนดีกว่าว่าพรมมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร โดยพรมตามท้องตลาดมีให้เลือกมากมาย ดังนี้
พรมไนลอน (Nylon)
พรมไนลอน เป็นพรมที่พบได้ทั่วไปตามท้องตลาด และยังเป็นพรมที่ได้รับความนิยมมาก มีหลากหลายขนาด รูปแบบ และสีสันให้เลือกซื้อ พรมประเภทนี้กันน้ำได้ดี ลดโอกาสเกิดรอยขีดข่วนเมื่อใช้งาน ทนทานต่อเชื้อราและสารเคมีได้ดี มาในราคาที่เข้าถึงง่าย และยังดูแลรักษาได้ง่ายด้วยการซักพรมหรือนำไปตากแดดเป็นประจำได้เลย

- ไปหน้าข้อมูลสินค้า
พรมโพลีเอสเตอร์ (Polyester)
พรมโพลีเอสเตอร์เป็นพรมที่มอบความรู้สึกหรูหรา คลาสสิก และมีสไตล์ ตัวพรมให้สัมผัสที่นุ่มสบาย กันน้ำได้ดีกว่าพรมประเภทอื่นๆ อย่างไรก็ตาม พรมประเภทนี้ต้องดูแลอย่างดีเพื่อป้องกันคราบ เพราะพรมเป็นรอยง่าย และหากอยู่ใกล้แดดจะสีซีดง่ายอีกด้วย หลายบ้านจึงนิยมนำพรมโพลีเอสเตอร์ไปใช้ตามห้องนอน
แนะนำ STOENSE/สโตเอนส์ พรมโพลีเอสเตอร์หนานุ่ม มอบสัมผัสนุ่มสบาย หากนำไปวางไว้ในห้องนอนจะเป็นสัมผัสแรกยามเช้าที่แสนอบอุ่น เติมเต็มช่วงเช้าให้ดูพิเศษมากยิ่งขึ้น สร้างวันดีๆ ได้ด้วยความอบอุ่นในก้าวแรกของวัน
พรมโพลีโพรไพลีน (Polypropylene)
พรมโพลีโพรไพลีน คือพรมที่มีประสิทธิภาพป้องกันคราบเปื้อนและคราบสะสมได้ดีที่สุด จึงทำให้พรมประเภทนี้เป็นพรมที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากพรมไนลอนเลยทีเดียว อีกหนึ่งจุดเด่นของพรมโพลีโพรไพลีนคือการป้องกันรอยขีดข่วน ป้องกันเชื้อโรคเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมวิธีทำความสะอาดพรมก็ทำได้ง่ายดายเพียงนำไปซักตากแดดเท่านั้น
พรมอะคริลิก (Acrylic)
พรมอะครีลิก คือพรมที่ถูกออกแบบให้มีสัมผัสและลักษณะคล้ายกับพรมขนสัตว์ที่มีราคาสูงๆ ตามท้องตลาด มีประสิทธิภาพกันความชื้น ป้องกันการเกิดคราบสกปรก คราบเลอะ ครบเปรอะเปื้อนได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้อย่างยาวนาน ที่สำคัญคือดูและทำความสะอาดง่ายกว่าพรมขนสัตว์ทั่วไปอีกด้วย

- ไปหน้าข้อมูลสินค้า
พรมขนสัตว์ (Wool)
พรมราคาสูงที่ทำมาจากขนสัตว์แท้ 100% จุดเด่นอยู่ที่การป้องกันคราบเปื้อนและคราบสกปรกได้เป็นอย่างดี และตัวพรมหนาให้สัมผัสนุ่มสบาย ทนทานต่อการใช้งาน มีให้เลือกใช้หลากหลายแบบ แต่ควรทำความสะอาดเป็นประจำเพราะเป็นพรมที่สะสมฝุ่นได้ง่าย แนะนำให้ใช้ในห้องรับแขกหรือห้องโล่งกว้าง
หากมองหาพรมขนสัตว์ ต้อง VESTERVIG/เวสแทร์วิก พรมขนแกะทอเรียบ สัมผัสหนานุ่มสบาย ยกระดับทุกย่างก้าวของคนในบ้าน ดีไซน์คลาสสิกเข้ากับการตกแต่งห้องทุกรูปแบบได้เป็นอย่างดี
พรมหินเช็ดเท้า (Diatomite Mat)
พรมหินเช็ดเท้า เป็นพรมเช็ดเท้าชนิดหนึ่งที่ทำมาจากวัสดุจากธรรมชาติหินตะกอน ช่วยซับน้ำได้ดี พรมแห้งไว ป้องกันแบคทีเรียและเชื้อราได้ดี จึงนิยมใช้เป็นพรมเช็ดเท้าหน้าประตูบ้านหรือหน้าประตูห้องน้ำ แถมตัวหินยังทนทานสูง ใช้งานได้นาน ไม่เปราะหรือแตกง่าย และทำความสะอาดได้ง่ายเพียงแค่ล้างด้วยน้ำเปล่าหรือใช้ผ้าเปียกเช็ด
รวม 7 วิธีทำความสะอาดพรม ลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค
วิธีทำความสะอาดพรมเช็ดเท้าดักฝุ่นเพื่อรักษาความสะอาด ลดคราบสกปรก ลดฝุ่นสะสม รักษาสุขอนามัยของคนในบ้านให้ดีมากยิ่งขึ้น ทำได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. พรมมีคราบ ให้รีบกำจัดออกทันที
วิธีทำความสะอาดพรมในขั้นตอนแรก คือการกำจัดคราบสกปรกที่มองเห็นได้หรือคราบสกปรกที่เพิ่งจะเกิดขึ้นออกทันที แต่ไม่ควรขัดแรงๆ เพราะอาจทำให้คราบกระจายตัวกว้างกว่าเดิมได้ แต่ควรทำความสะอาดตามประเภทของคราบ ดังนี้
- คราบอาหารและน้ำดื่ม ควรเริ่มจากการชุบน้ำบนตัวพรมออกให้หมดก่อน จากนั้นโรยผงซักฟอกลงบนรอย ทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงนำผ้าชุบน้ำผสมสบู่มาค่อยๆ เช็ดอีกครั้ง จากนั้นโรยเบกกิ้งโซดาและดูดฝุ่นออกพร้อมกับผงเบกกิ้งโซดาได้เลย
- คราบน้ำมัน เมื่อมีคราบน้ำมันซึมลงบนตัวพรม เราไม่ควรรีบซักพรมทันที แต่ควรใช้วิธีทำความสะอาดพรมโดยการโรยแป้งลงบนคราบน้ำมัน เมื่อแป้งดูดซึมน้ำมันออกไปแล้วจึงใช้ทิชชูเช็ดออกเบาๆ หรือจะลองใช้วิธีเอากระดาษวางบนคราบแล้วใช้เตารีดนาบเพื่อดูดซึมคราบก็ได้เช่นกัน
- คราบหมากฝรั่งหรือคราบเหนียว ให้ใช้น้ำแข็งวางลงบนคราบเพื่อให้ความเหนียวของคราบเริ่มแข็งตัวและจับตัวกันเป็นก้อน จากนั้นก็สามารถใช้มือดึงคราบออกได้ทันที
2. คราบใหม่ ให้ระวังน้ำหนักมือ
หากมีคราบเปื้อนใหม่เกิดขึ้นไม่ควรรีบเช็ดหรือถูพรมแรงๆ เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้คราบหายไปแล้ว การถูแรงๆ อาจทำให้คราบสกปรกขยายวงกว้างมากขึ้นได้อีกด้วย แต่วิธีทำความสะอาดพรมคือการใช้ผ้าชุบน้ำแล้วค่อยๆ ซับเบาๆ จนคราบเริ่มจางลง จากนั้นจึงนำพรมไปซักได้ตามปกติ
3. ดูดฝุ่นเป็นประจำ กำจัดฝุ่นสะสม
พรมเช็ดเท้าดักฝุ่นและพรมที่ใช้ตามห้องต่างๆ เป็นพรมที่ต้องสัมผัสกับฝุ่นและเชื้อโรคเป็นประจำ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำความสะอาดฝุ่นก็จะเริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนในบ้านได้ จึงแนะนำให้ดูดฝุ่นบนพรมเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดี ลดฝุ่นฟุ้งกระจาย และลดโอกาสเป็นภูมิแพ้
แนะนำ PEPPRIG/เพปพรีก ลูกกลิ้งขจัดฝุ่น ใช้ทำความสะอาดพรมได้ทุกวันทุกเวลา หยิบจับมาใช้งานได้ง่าย เก็บไว้ใกล้มือแล้วหยิบมากลิ้งเอาฝุ่นหรือคราบเส้นผมออกจากตัวพรมได้ทันที

- ไปหน้าข้อมูลสินค้า
4. ซักพรมให้ถูกวิธี
แม้ว่าจะดูแลความสะอาดพรมได้ดียังไงแต่ก็ไม่ควรมองข้ามการซักพรมอย่างสม่ำเสมอ หลังจากกำจัดคราบออกไปบางส่วนแล้ว แนะนำให้เอาพรมออกมาซักโดยใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับซักพรมโดยเฉพาะ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผลิตมาเพื่อถนอมพรม ป้องกันพรมพังหลังซัก นอกจากนี้ วิธีทำความสะอาดพรมทำได้ทั้งการซักพรมแบบแห้งและแบบเปียก ดังนี้
- การซักพรมแบบแห้ง ใช้ผงทำความสะอาดพรมโรยให้ทั่วแล้วจึงใช้แปรงขัดเบาๆ จากนั้นดูดฝุ่นออกเพื่อความสะอาดเอาทั้งคราบผลิตภัณฑ์และฝุ่นออกไป
- การซักพรมแบบเปียก ใช้น้ำยาซักพรมผสมน้ำตามคำแนะนำ จากนั้นนำไปซักมือด้วยการใช้แปรงขัดพรมเบาๆ หรือนำไปซักเครื่องด้วยโหมดถนอมผ้าโดยใช้น้ำน้อยๆ เพื่อถนอมทั้งตัวพรมและตัวเครื่องซัก
5. นำพรมไปตากแดดอ่อน
เพื่อรักษาพรมให้สวยงามและใช้งานได้นาน ควรหลีกเลี่ยงวางพรมไว้ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะแสงแดดมีส่วนทำร้ายพรม ทำให้สีของพรมซีดจางลงจนดูไม่สวยงามเหมือนตอนซื้อมาใหม่ๆ ได้ แต่หลังจากซักพรมแล้วจะปล่อยไว้ให้แห้งเองก็ไม่ได้ จึงแนะนำให้นำไปตากแดดอ่อนๆ ในช่วงเย็นหรือช่วงเช้าเพื่อถนอมพรมให้สียังดูสดอยู่
6. กำจัดกลิ่นอับด้วยน้ำส้มสายชู
เมื่อพรมที่บ้านถูกใช้งานไปนานๆ มักจะเกิดคราบสกปรก ความอับชื้น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 ต่อ 2 ใส่ขวดสเปรย์ จากนั้นนำมาฉีดลงบนพรมแล้วซับออก หรือหากพรมมีกลิ่นเหม็นมาก หลังจากใช้น้ำส้มสายชูแล้วแนะนำให้ซักพรมต่อทันทีเพื่อให้พรมสะอาดเหมือนใหม่และกลับมาใช้งานได้ดีอีกครั้ง
7. พรมมีรอยทับ แก้ง่ายด้วยน้ำแข็ง
พรมส่วนใหญ่มักผลิตจากเส้นใยที่นุ่มฟูเสียหายง่าย หากวางเฟอร์นิเจอร์หรือโต๊ะทับบนพรมเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดรอยกดทับสะสมจนพรมดูไม่สวยงามได้ เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดายเพียงนำก้อนน้ำแข็งไปวางไว้บนรอยยุบ รอจนน้ำแข็งละลายหมดแล้วปล่อยให้พรมแห้งสนิท เพียงเท่านี้รอยยุบก็จะกลับมาฟูเหมือนใหม่แล้ว
พรมมีหลากหลายแบบ เลือกซื้อให้เหมาะสมได้ตามการใช้งานและห้องที่จะนำพรมไปติดตั้งและตกแต่ง โดยเลือกซื้อได้จากอิเกีย ที่นี่มีของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกมากมาย รวมถึงพรมที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี มีให้เลือกหลากหลายดีไซน์ เข้าได้กับทุกการตกแต่ง และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การเลือกซื้อพรมคือวิธีทำความสะอาดพรม หากพรมมีคราบเปื้อนก็ควรรีบกำจัดออกทันทีด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเบาๆ หลังจากนั้นให้ซักพรมซักด้วยผลิตภัณฑ์ซักพรมโดยเฉพาะและวิธีการซักพรมที่เหมาะสม
ดูแลพรมของคุณให้สะอาดเหมือนใหม่ แนะนำให้ใช้บริการ Sofa Boy บริการทำความสะอาดพรม โซฟา และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านจากทีมช่างทำความสะอาดมืออาชีพ เสกพรมเก่าให้กลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง พิเศษสุดสำหรับสมาชิกของ IKEA Family รับส่วนลดสูงสุดถึง 30%














